พร้อมกลับมาใช้งานในอาทิตย์นี้แล้วสำหรับ ซานติอาโก้ เบร์ท้องนาเบว สนามเหย้าของ “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด ชมรมดังในศึก ลา ลีกา สเปน ที่ปิดเปลี่ยนแปลงไปนานตั้งแต่เมื่อตอนต้นปี 2018โดยปัจจุบัน ทางชมรมได้ออกมารับรองว่า เกมที่จะเปิดบ้านเจอกับ เซลต้า บีโก้ ในคืนวันอาทิตย์ที่ 13 เดือนกันยายน นี้ จะกลับมาลงแข่งขันใน ซานติอาโก้ เบร์นาเบว อีกครั้ง ที่เพิ่มความจุเป็น 81,000 ที่นั่งแต่ด้วยปัญหาเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา {โควิด-19) ในประเทศสเปน ทำให้จะมีแฟนบอลเข้าชมในสนามได้เพียงแค่ 30,000 คนเท่านั้น ซึ่งแรกเริ่มจะอนุญาตให้แฟนบอลเข้าชมถึง 50,000 คนซึ่งการปรับแต่งสนามในคราวนี้จัดว่ามีความรวดเร็วอย่างยิ่งเดินหน้าเปลี่ยนแปลงกันตลอด 24 ชั่วโมง โดย มาร์ก้า สื่อดังดินแดนวัวกระทิงดุ ถึงกับเขียนหัวเรื่องเกี่ยวเรื่องนี้ว่า “มหัศจรรย์” ด้วยงบประมาณการก่อสร้างเกือบจะ 600 ล้านยูโร (ประมาณ 23,000 ล้านบาท)สำหรับตารางเสร็จสิ้นของสนาม ซานว่ากล่าวอาโก้ เบร์ท้องนาเบว แบบร้อยเปอร์เซ็นต์นั้นคือม.ค. ปี 2023 โดยยังเหลือเก็บรายละเอียดอีกน้อย ซึ่งสนามใหม่นี้จะมีจุดเด่นคือโครงหลังคาแบบใหม่ที่สามารถพับเก็บได้, ป้ายสกอร์บอร์ดแบบ 360 องศา รวมทั้งมีเทคโนโลยีทันสมัยซึ่งสามารถฉายภาพลงบนพื้นผิวข้างนอกทั้งหมดของสนามกีฬาได้
Month: September 2021
5 เรื่องที่คุณอาจไม่เคยรู้ “คามาวิงก้า” แข้งคนใหม่ของ “ราชันชุดขาว”
เรอัล มาดริด ยักษ์ใหญ่ที่ลาลีกา สเปน ประกาศคว้าตัว เอดูอาร์โด้ ค้างมาวิงก้า กองกลางดาวรุ่งชาวฝรั่งเศส วัย 18 ปี จากสมาคมแรนส์ ในวันสุดท้ายของตลาดค้าขายนักฟุตบอลซัมเมอร์ ปี 2021 โดยเซ็นสัญญายาว 6 ปี
ค้างมาวิงก้า กลายเป็นจุดหมายของหลายๆสมาคมชั้นแนวหน้าในยุโรป ก่อนจบกับ “พระราชาชุดขาว” เขาโดนจับตามองว่า จะเป็นเยี่ยมในมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดในอีก 10 ปีด้านหน้า รวมทั้งนี่เป็น 5 เรื่องราวของเขา ที่คุณอาจยังไม่รู้เรื่องมาก่อน
กำเนิดในค่ายผู้ลี้ภัยชาวแองโกลา
ค้างมาวิงก้า กำเนิดเมื่อปี 2002 ในค่ายผู้ลี้ภัยชาวแองโกลา พ่อรวมทั้งแม่เป็นชาวคองโก เมื่ออายุได้ 2 ขวบ ครอบครัวของเขาได้ย้ายไปอาศัยอยู่ทางทางเหนือของฝรั่งเศส เพื่อหนีภัยสงคราม แต่แล้วพอถึงปี 2013 บ้านของเขาถูกไฟลุกจนกระทั่งสินทรัพย์เสียหายล้นหลาม
เคยฝึกเล่นกีฬายูโดมาก่อน
ค้างมาวิงก้า เริ่มต้นจากทีมเยาวชนของสมาคมดราปู-ฟูแฌร์ ตั้งแต่อายุ 6 ขวบ แต่เวลานี้ เขายังได้ไปฝึกซ้อมวิชาศิลปะการป้องกันตัวอย่างกีฬายูโดอีกด้วย แต่สุดท้ายแล้ว เจ้าหนูค้างมาวิงก้าก็เลือกจุดโฟกัสไปที่การเป็นนักฟุตบอลเพียงอย่างเดียว
ติดทีมชาติฝรั่งเศสชุดใหญ่ตอนอายุ 17 ปี
ค้างมาวิงก้า นอกเหนือจากการที่จะเป็นนักฟุตบอลทีมชาติฝรั่งเศส ชุดยู-21 แล้ว ยังได้รับจังหวะลงไปในสนามให้กับทีมชุดใหญ่ของ “เลส์ เบลอส์” ไปแล้ว 3 นัดหมาย โดยการลงไปในสนามครั้งแรกนั้น เป็นนัดหมายที่พบกับโครเอเชีย ในศึกยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เมื่อก.ย. 2020 ด้วยวัย 17 ปี 9 เดือน 29 วัน เปลี่ยนเป็นนักฟุตบอลอายุน้อยสุดในรอบกว่า 100 ปี ที่ประเดิมลงเล่นให้กับทีมชาติฝรั่งเศสชุดใหญ่เป็นครั้งแรกมีประสบการณ์ในแชมเปี้ยนส์ ลีก
ฤดูกาล 2019/20 แรนส์ได้ชั้นที่ 3 ในลีกสูงสุดของฝรั่งเศส ชนิดที่จำเป็นต้องตัดจบฤดูกาลยังไม่ครบกำหนด เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ได้สิทธิ์ไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลต่อมา โดนจับสลากอยู่กลุ่มเดียวกับเชลซี, เซบีคุณย่า รวมทั้งครั้งสโนดาร์ ซึ่งค้างมาวิงก้า ก็ได้จังหวะลงไปในสนามในถ้วยใหญ่สุดของยุโรป 4 จาก 6 นัดหมาย ของรอบแบ่งกลุ่ม รวมทั้งลงเล่นเป็นตัวจริงทุกนัดหมาย
มีวิวัฒนาการในแต่ละตำแหน่งที่ลงเล่น
ตลอดระยะเวลาการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ มิดฟิลด์วัย 18 ปีรายนี้ สามารถเล่นได้ทุกตำแหน่งในแผงกองกลาง โดยหลักแล้วเขาจะเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับ แต่จะได้รับหน้าที่ที่มากขึ้นสำหรับการทำเกมรุก ค้างมาวิงก้าชี้ให้เห็นถึงทักษะต่างๆไม่ว่าจะเป็นการแย่งบอล, การส่งบอล รวมถึงการเลี้ยงบอลที่สุดยอด รวมทั้งจะยังคงพากเพียรหาตำแหน่งที่ดีที่สุดต่อไป
ครั้งแรกก็ยิงเลย! “จูด เบลล์” จัดหนึ่งเม็ดช่วย อังกฤษ U19 เชือด อิตาลี U19 2-0
ศูนย์หน้าลูกครึ่งอังกฤษ-ไทย จากเชลซี เปิดฉากสกอร์แรกของตัวเองในกลุ่มสิงโตคำราม U19 ช่วยกลุ่มลับหน้าแข้งชนะอิตาลี 2-0
จูด ซุ่นสินทรัพย์ เบลล์ แผงหน้าลูกครึ่ง ยิงหนึ่งประตูช่วยให้กลุ่มชาติอังกฤษ รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี อุ่นเครื่องเอาชนะ อิตาลี 2-0 เมื่อคืนวันที่ 2 ก.ย. ที่ผ่านมา
ศูนย์หน้าวัย 17 ปี โชว์ฟอร์มได้ดีในกลุ่มสิงห์บลูส์ U23 ตลอดมาจากฤดูกาลที่แล้ว ก่อนถูกเรียกตัวติดกลุ่มชาติอังกฤษ รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ในโปรแกรมอุ่นเครื่องเดือนกันยายน เพื่อตระเตรียมกลุ่มฝ่าศึกบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี รอบคัด ในตอนพฤศจิกายนนี้
ล่าสุด จูด เบลล์ ได้รับโอกาสลงสนามเป็นตัวจริงให้กลุ่มในเกมลับหน้าแข้งกับอิตาลี ก่อนซัดหนึ่งประตูช่วยให้สิงโตคำรามเอาชนะอัซซูรีไป 2-0
ดังนี้ จูด เบลล์ ยังมีโปรแกรมลงเล่นให้กลุ่มชาติอังกฤษ U19 ในเกมอุ่นเครื่องอีกหนึ่งนัด พบกับ กลุ่มชาติเยอรมนี U19 ในวันที่ 6 ก.ย.นี้
เปิดโผ 10 ชั้นแข้งยิงมากสุดในนามกลุ่มชาติ ข้างหลัง “โรนัลโด” รั้งชั้น 1 คนเดียวสำเร็จ
จารึกประวัติศาสตร์ขึ้นแท่นโดดเดี่ยวๆมีชื่อเสียงว่าเป็นนักฟุตบอลที่ยิงประตูให้ทีมชาติเยอะที่สุดเรียบร้อย สำหรับ คริสเตียโน โรนัลโด หลังกระแทก 2 ประตูให้ ทีมชาติโปรตุเกส เปิดบ้านเฉือน ทีมชาติไอร์แลนด์ 2-1 ในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัด โซนยุโรป กรุ๊ปเอ เมื่อคืนนี้ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา
ก่อนเกมนี้ โรนัลโด รั้งอันดับต้นๆร่วมกับ อาลี ดาอี ตำนานดาวยิงทีมชาติอิหร่าน ที่จำนวน 109 ประตู แต่ว่า 2 ประตูในเกมล่าสุด ทำให้ดาวยิงวัย 36 ปี ที่เริ่มต้นเกมนี้ด้วยการยิงจุดลูกโทษไม่เข้าตั้งแต่นาทีที่ 15 ก้าวขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆแต่เพียงผู้เดียวเรียบร้อย
นอกจากนี้ โรนัลโด ยังทำสถิติลงในสนามรับใช้ทีมชาติโปรตุเกสเป็นนัดที่ 180 ทำให้เจ้าตัวครอบครองตำแหน่งนักเตะยุโรปที่ลงเล่นให้ทีมชาติมากสุด ร่วมกับ เซร์คิโอ รามอส (ทีมชาติประเทศสเปน) อีกด้วย
สรุป 10 ชั้นนักฟุตบอลที่ยิงประตูในนามทีมชาติเยอะที่สุดในโลก
1. คริสเตียโน โรนัลโด 111 ประตู
ทีมชาติโปรตุเกส (2003 – ปัจจุบันนี้)
2. อาลี ดาอี 109 ประตู
ทีมชาติอิหร่าน (1993-2006)
3. ม็อกทาร์ ดาฮารี 89 ประตู
ทีมชาติมาเลเซีย (1972-1985)
4. เฟเรนซ์ ปุสกัส 84 ประตู
ทีมชาติฮังการี (1945-1956)
5. ก็อดฟรีย์ ชิทาลู 79 ประตู
ทีมชาติแซมเบีย (1968-1980)
6. ฮุสเซน ซาอีด 78 ประตู
ทีมชาติอิรัก (1976-1990)
7. เปเล่ 77 ประตู
ทีมชาติบราซิล (1957-1971)
8. (ร่วม) อาลี มับคูต 76 ประตู ทีมชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (2009 – ปัจจุบันนี้)
ลิโอเนล เมสซี 76 ประตู ทีมชาติประเทศอาร์เจนตินา (2005 – ปัจจุบันนี้)
10. (ร่วม) ลุกชินิเงะ คามาโมโตะ 75 ประตู ทีมชาติญี่ปุ่น (1964-1977)
บาชาร์ อับดุลลาห์ 75 ประตู ทีมชาติคูเวต (1996-2018)